Pompanazzi, Pietro ปีเอโตร ปอมปานัซซี
ผู้แต่ง : กันต์สินี สมิตพันธ์
ผู้ปรับแก้ : กีรติ บุญเจือ
ปีเอโตร ปอมปานัซซี (อต.Pietro Pompanazzi 1462-1525) เป็นชาวมันโตวา (อต.Mantova) หรือมันตัว (Mantua) ประเทศอิตาลี เกิดจากตระกูลขุนนางที่ร่ำรวย เรียนการแพทย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งปาดัวจบในปีค.ศ.1487 แต่กลับได้รับเชิญให้สอนปรัชญาธรรมชาติของแอเริสทาเทิลเพราะสนใจเป็นพิเศษ
ปอมปานัซซีเห็นว่า ทั้งลัทธิธาเมิสและลัทธิแอเวอร์โรอิสตีความแอเริสทาเทิลไม่ถูกต้อง และเห็นว่าแอลิกแซนเดอร์แห่งแอเฟรอดีเสียส ตีความถูกต้องที่สุด จึงรื้อฟื้นขึ้นเผยแพร่ และเขียนอรรถกถาของตนเองขึ้นให้ทันสมัยกว่าของแอลิกแซนเดอร์ ให้ชื่อว่าธรรมชาติวิทยา ปีค.ศ.1510 ย้ายไปสอนที่เฟร์ราราเขียนอรรถกถาว่าด้วยวิญญาณของแอเริสทาเทิล ปีต่อมาย้ายไปสอนที่มหาวิทยาลัยแห่งโบโลญา เขียนหนังสือหลายเรื่องเพื่อป้องกันลัทธิปรัชญาของตนที่ถูกโจมตีทั้งจากฝ่ายลัทธิธาเมิส และจากฝ่ายลัทธิแอเวอร์โรอิส โดยชี้แจงว่าคำสอนของตนใช้อธิบายพระคัมภีร์ได้ดีที่สุด งานนิพนธ์ที่สำคัญที่สุดคือ หนังสือ ว่าด้วยอมตภาพของวิญญาณ (ลต. De ImmortalitateAnimae = On the Immortality of the Soul)
ปอมปานัซซีมีความคิดขัดแย้งกับลัทธิแอเวอร์โรอิส และลัทธิธาเมิสของสมัยฟื้นฟู ที่นับว่าสำคัญก็คือ ปอมปานัซซีแยกจิตออกเป็น 3 ระดับ คือ 1)จิตบริสุทธิ์ได้แก่พระเจ้าและทูตสวรรค์ 2)จิตในสสารที่มีปัญญาได้แก่วิญญาณของมนุษย์ 3)จิตในสสารที่ไม่มีปัญญาได้แก่ชีวิตของสัตว์ ซึ่งสูญหายไปพร้อมกับความตายของสัตว์
ประเด็นสำคัญอยู่ที่วิญญาณมนุษย์ ปอมปานัดซีไม่เห็นด้วยกับแอเวอร์โรอิสที่ว่า ปัญญาของมนุษย์ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ปัญญากัมมันต์กับปัญญาอกัมมันต์ โดยที่ปัญญากัมมันต์คือปัญญาของพระเจ้าที่มาสถิตในมนุษย์ทุกคน ทำให้ความเข้าใจของมนุษย์คือความเข้าใจของพระเจ้า แต่ปอมปานัตซีคิดว่าปัญญาของมนุษย์ไม่มีองค์ประกอบ มนุษย์มีแต่ปัญญาอกัมมันต์ที่อาจจะมีความรู้จากประสบการณ์หรือจากการส่องสว่างของพระเจ้า วิญญาณของมนุษย์คือสมรรถภาพคิดและเป็นแบบของร่างกาย จึงต้องตายไปพร้อมกับร่างกาย ปรัชญาไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าวิญญาณของมนุษย์เป็นอมตะ ทางฝ่ายลัทธิธาเมิสแย้งว่า ในเมื่อเชื่อว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์และไม่เชื่อว่าวิญญาณเป็นอมตะ พระเจ้าจะมีความยุติธรรมได้อย่างไร ในเมื่อคนดีกับคนเลวตายแล้วสูญหายเหมือนกัน ปอมปานัดซีชี้แจงว่า คนดีย่อมมีคุณธรรม มีความสงบใจ มีความภูมิใจ เหล่านี้เป็นรางวัลเพียงพอแล้ว หากจะถามปอมปานัดซีว่าตัวท่านเองเชื่อไหมว่าท่านเองตายแล้วสูญหาย ท่านจะตอบว่า ท่านเชื่อว่าวิญญาณมนุษย์เป็นอมตะเพราะเชื่อวิวรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล ไม่ใช่เพราะเหตุผลทางปรัชญา
ที่กล่าวมานี้เป็นความคิดที่เป็นปัญหาถกเถียงกันในขณะนั้น แต่ความสำคัญจริง ๆ ของปอมปานัซซีก็คือรื้อฟื้นวิธีอุปนัยของแอเริสทาเทิลตามแนวทางของแอลิกแซนเดอร์แห่งแอเฟรอดีเสียส ท่านเน้นการสังเกตและทดลองเป็นวิธีหาความรู้ เน้นประสบการณ์เป็นมาตรการความจริง ไม่เชื่อว่าวิญญาณเป็นอมตะเพราะประสบการณ์ไม่อาจยืนยันเรื่องนี้ ท่านเชื่อว่าความรู้ทุกอย่างมาจากประสบการณ์ เพราะท่านมีประสบการณ์ได้ ท่านเชื่อว่าประสบการณ์ในชีวิตประจำวันบอกได้แต่เพียงว่า วิญญาณหรือสมรรถภาพรู้ของมนุษย์ดับไปพร้อมกับความตาย แต่ท่านก็คิดว่าท่านมีประสบการณ์วิวรณ์ เพราะท่านมีคัมภีร์ไบเบิลอยู่ในมือ ท่านเปิดอ่านพบคำสอนว่าวิญญาณเป็นอมตะ ท่านถือว่าเป็นประสบการณ์เหมือนกัน แม้จะไม่ใช่ประสบการณ์ในชีวิตประจำวัน แต่ก็เป็นประสบการณ์ คือ ท่านสามารถอ่านวิวรณ์นั้นด้วยสายตาของท่านเอง อย่างไรก็ตามการรื้อฟื้นวิธีการอุปนัยของแอเริสทาเทิลย่อมเป็นหนทางให้เกิดขบวนการธรรมชาติวิทยาในเวลาไม่นานต่อมา